The Healthy Classroom : ----------- โดย อาจารย์อภิชาติ วัชรพันธุ์ แนวคิดของ
StevenHastings(2006)จากหนังสือที่ชื่อว่า
ในวันนี้ กล่าวถึงความสาคัญของ "The Complete Classroom" โดย Hasting ได้เสนอแนะว่า "ห้องเรียนคุณภาพห้องเรียนที่สมบูรณ์แบบ" น่าจะมีลักษณะที่สาคัญ 3 องค์ประกอบ คือ 1) The Healthy Classroom....เป็นห้องเรียนที่ให้ความสาคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน 2) The Thinking Classroom....เป็นห้องเรียนที่เน้นการส่งเสริมด้านการคิดวิเคราะห์ หรือพัฒนาการทางสมอง และ 3) The Well-Rounded Classroom....ห้องเรียนบรรยากาศดี The Healthy Classroom เพราะในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวเรื่องนักเรียนโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง จุดไฟเผาอาคารเรียน-อาคารห้องสมุดของโรงเรียน(ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงเรียน เพราะคิดว่าไม่เกิดผลดีทั้งต่อโรงเรียนและเด็ก) ซึ่งฉันคิดว่าปัญหาส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากการจัดการเรียนการสอนในประเทศของเรา โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมสูง จะเน้นในความเป็น “The Thinking Classroom” หรือห้องเรียนที่เน้นด้านสมอง ด้านวิชาการมากเป็นพิเศษ ทานให้ลดโอกาสในการสร้าง “The Healthy Classroom” : ห้องเรียนที่ให้ความสาคัญกับเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน การเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าเป็นการเสียหายที่น้อยมาก คือ เสียอาคารเพียงหลังเดียวและคุ้มค่ามาก หากเราจะได้บทเรียนและหันมาทบทวนกันอย่างจริงจังในเรื่อง “ความเป็นห้องเรียนสุขภาพดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน” เพื่อลดโอกาสความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องให้ความสาคัญกับเรื่องนี้เพื่อสักวันหนึ่งเราจะต้องไม่มานั่งเสียใจกับปัญหานักเรียนทำร้ายร่างกายตนเอง นักเรียนฆ่าตัวตาย หรือนักเรียนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายผู้อื่นและทำลายสิ่งของก่อจะไม่เกิดขั้น
๓.) เด็กไทยมีความสามารถในการบริหารสุขภาพจิต การควบคุมอารมณ์ หรือการพัฒนาบุคลิกภาพหรือไม่เพียงใด (ดูได้จากบรรยากาศการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในทันทีที่มีการประกาศผลการแข่งขันจะมี ๑ทีมที่ร้องไห้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้)
ตอบ มี แต่ส่วนน้อย ก็เพราะอารมณ์ของเราไม่สามารถบังคับกันได้ เป็นธรรมดาของการแข่งขันที่ต้องมีแพ้ ชนะ ส่วนที่แพ้ก็จะปลอบใจตัวเองด้วยการร้องไห้ ส่วนคนที่ชนะก็จะให้กำลังใจตัวเองและอาจจะร้องไห้ออกมาด้วยความยิ่งดี
๔.) ขณะนี้โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กพอๆกับการส่งเสริมด้านวิชาการหรือไม่โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับค่านิยมสูง(มีชื่อเสียง)
ตอบ มีการส่งเสริม จะเห็นจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงก็จะมีกิจกรรมให้นักเรียนได้เล่นและได้ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นการส่งเสริมให้เด็กเก่งวิชาการควบคู่กับมีสุขภาวะที่แข็งแรง
๕.) เมื่อเปิดภาคเรียนภายใน ๒ สัปดาห์แรก ครูประจำชั้นได้ทำความรู้จักกับนักเรียนมากน้อยเพียงใดมีการจำแนกเด็กนักเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยง-กลุ่มปกติหรือไม่ (กลุ่มเสี่ยงหมายถึงผลการเรียนอ่อนสุขภาพไม่ดีมีปัญหาทางครอบครัวรวมถึงมีผลการเรียนดีมากเกรดเฉลี่ย๔.๐๐มาโดยตลอดซึ่งจะเสี่ยงในเรื่องความเครียด)
ตอบ ครูประจำชั้นส่วนใหญ่เวลาเปิดภาคเรียนก็จะถามประวัติเด็กก่อน จะถามชื่อที่อยู่แต่ไม่ค่อยจะถามเรื่องสุขภาพของเด็กและเรื่องการเรียนของเด็กว่าเด็กมีผลการเรียนที่ผ่านมาเป็นเช่นไรเด็กมีปัญหาทางบ้านไหม?นี้คือสิ่งสำคัญที่ครูในอนาคตต้องทำความเข้าใจกับเด็กให้มากควรจะดูแลเอาใจใส่เด็กให้มากกว่านี้และเข้าหานักเรียน เด็กจะได้รู้สึกผูกพันธ์กับครูมากขึ้นและมีความสุขในการเรียน
๖.) ครูประจำชั้น หรือโรงเรียนได้จัดระบบดูแล-ช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยงอย่างไรบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิต(สมัยที่ผมเป็นครูประจำชั้น ผมจะประกาศรายชื่อ “ผู้ช่วยอาจารย์ประจำชั้น” โดยเลือกจากนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้นักเรียนเหล่านี้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับครู มีการประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง)
ตอบ อาจจะมีแต่ไม่มากนักเพราะโรงเรียน่สวนใหญ่เน้นที่วิชาการเด็กที่มีกลุ่มเสี่ยงก็จะจัดให้อยู่ในห้องเดียวกันเพื่อสะดวกในการดูแลปกครองเด็กโดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่ตามมาทำให้เด็กกลุ่มเสี่ยงมีความรู้สึกว่าตัวที่มีปัญหาอยู่แล้วกลับเพิ่มปัญหาอีก
๗.) โรงเรียนมีการพัฒนารายวิชา(วิชาเลือก/วิชาเพิ่มเติม)ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์การพัฒนาบุคลิกภาพการบริหารจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตฯลฯหรือไม่(หลักสูตรประเทศสิงค์โปร์เด็กอนุบาลต้องเรียนวิชา“การควบคุมอารมณ์”)
ตอบ ควรที่จะมีการจัดรายวิชาเลือกให้เด็กได้ควบคุมอารมณ์และให้เด็กได้เลือกรายวิชาที่ตนเองถนัดเด็กจะได้มีความสุขในการเรียนมากขึ้น
๘.) โรงเรียนมีการประเมินมาตรฐานด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นระยะ ๆ อย่างจริงจังมากน้อยเพียงใด
ตอบ ถ้าปัจจุบันน้อยมาก เพราะครูส่วนใหญ่เน็นที่วิชาการมากโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพจิตของเด็กว่าเด็กรู้สึกอย่างไรกับการเรียนที่เน้นแต่วิชาการ
๙.) โรงเรียนมีแบบประเมิน/แบบสังเกตภาวะสุขภาพกาย สุขภาพจิตของนักเรียน เพื่อครูประจำชั้น และพ่อแม่ใช้ในการสังเกต-ประเมินนักเรียนในความรับผิดชอบหรือบุตรหลานของตนเองหรือไม่ฯลฯ
ตอบ มีแต่ไม่ทั่วถึงและแบบประเมินรายละเอียดครูควรศึกษาจากพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนก่อนการทบทวนคำถาม ดังกล่าวข้างต้นจะทำให้เรามองเห็นสภาพปัจจุบัน-ปัญหาในการจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือของประเทศไทยโดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาเด็กแบบไม่สมดุลที่เน้นการพัฒนาด้านวิชาการ มากกว่าการพัฒนาด้านสุขนิสัยสุขภาพกายสุขภาพจิตซึ่งเป็นเรื่องสาคัญจากการศึกษาแนวคิดเรื่อง The Healthy Classroom Hasting(2006) ได้เขียนถึงปัญหาการบริโภคอาหารไร้คุณภาพ (Junk Food) ปัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศ ปัญหาการทำร้ายร่างกายตนเองปัญหาการฆ่าตัวตายของเด็ก ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ชักจะเข้าใกล้ประเทศเรามากยิ่งขึ้นทุกวันยกเว้นเราจะมีการทบทวนสภาพปัญหาเหล่านี้กันอย่างจริงจังฉันเชื่อว่าจะนำไปสู่การกาหนดยุทธศาสตร์หรือแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม ในโอกาสต่อไปได้อย่างแน่นอน ทางเลือกเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตนักเรียน
ในวันนี้ กล่าวถึงความสาคัญของ "The Complete Classroom" โดย Hasting ได้เสนอแนะว่า "ห้องเรียนคุณภาพห้องเรียนที่สมบูรณ์แบบ" น่าจะมีลักษณะที่สาคัญ 3 องค์ประกอบ คือ 1) The Healthy Classroom....เป็นห้องเรียนที่ให้ความสาคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน 2) The Thinking Classroom....เป็นห้องเรียนที่เน้นการส่งเสริมด้านการคิดวิเคราะห์ หรือพัฒนาการทางสมอง และ 3) The Well-Rounded Classroom....ห้องเรียนบรรยากาศดี The Healthy Classroom เพราะในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวเรื่องนักเรียนโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง จุดไฟเผาอาคารเรียน-อาคารห้องสมุดของโรงเรียน(ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงเรียน เพราะคิดว่าไม่เกิดผลดีทั้งต่อโรงเรียนและเด็ก) ซึ่งฉันคิดว่าปัญหาส่วนหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากการจัดการเรียนการสอนในประเทศของเรา โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมสูง จะเน้นในความเป็น “The Thinking Classroom” หรือห้องเรียนที่เน้นด้านสมอง ด้านวิชาการมากเป็นพิเศษ ทานให้ลดโอกาสในการสร้าง “The Healthy Classroom” : ห้องเรียนที่ให้ความสาคัญกับเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน การเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าเป็นการเสียหายที่น้อยมาก คือ เสียอาคารเพียงหลังเดียวและคุ้มค่ามาก หากเราจะได้บทเรียนและหันมาทบทวนกันอย่างจริงจังในเรื่อง “ความเป็นห้องเรียนสุขภาพดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน” เพื่อลดโอกาสความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องให้ความสาคัญกับเรื่องนี้เพื่อสักวันหนึ่งเราจะต้องไม่มานั่งเสียใจกับปัญหานักเรียนทำร้ายร่างกายตนเอง นักเรียนฆ่าตัวตาย หรือนักเรียนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายผู้อื่นและทำลายสิ่งของก่อจะไม่เกิดขั้น
คำถามที่ดิฉันได้คิดวิเคราะห์
๑.) ในปัจจุบันเด็กไทย ( รวมถึงผู้ใหญ่ไทย ) มีสุขนิสัยที่ดีในเรื่องพฤติกรรมการบริโภคพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมหรือไม่เพียงใด
ตอบ ไม่เหมาะสม เพราะ บางคนเรียนหนักมากจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองไม่ค่อยออกกำลังกายไม่เล่นกีฬาเอาแต่อ่านหนังสือและการเข้านอนก็เป็นสิ่งสำคัญควรจะรักษาเวลาในการเข้านอนหรือนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและอีกอย่างคือการบริโภคก็ควรที่จะควบคุมกินอาหารให้ครบห้าหมู่ทุกวันลดอาหารที่ไม่มีประโยชน์
๒.) ในปัจจุบันเด็กไทย ( รวมถึงผู้ใหญ่ไทย ) มีกีฬาประจำตัว มีปฏิทินการออกกำลังกายและได้ออกกำลังกายตามปฏิทินอย่างจริงจัง มากน้อยเพียงใด (ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล แพทย์ไทย มักจะถามคำถามว่า “มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง” แต่ไม่เคยถามว่า “หนู มีกีฬาประจำตัวหรือไม่มีปฏิทินออกกำลังกายไหม
ตอบ เด็กไทยและผู้ใหญ่ในปัจจุบันไม่ค่อยสนใจในการออกกำลังกายและไม่ค่อยเล่นกีฬาสักเท่าไรนักเด็กเรียนเสร็จก็จะไปเที่ยวส่วนผู้ใหญ่ก็ทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกายการวานแผนในการออก
๑.) ในปัจจุบันเด็กไทย ( รวมถึงผู้ใหญ่ไทย ) มีสุขนิสัยที่ดีในเรื่องพฤติกรรมการบริโภคพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมหรือไม่เพียงใด
ตอบ ไม่เหมาะสม เพราะ บางคนเรียนหนักมากจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองไม่ค่อยออกกำลังกายไม่เล่นกีฬาเอาแต่อ่านหนังสือและการเข้านอนก็เป็นสิ่งสำคัญควรจะรักษาเวลาในการเข้านอนหรือนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและอีกอย่างคือการบริโภคก็ควรที่จะควบคุมกินอาหารให้ครบห้าหมู่ทุกวันลดอาหารที่ไม่มีประโยชน์
๒.) ในปัจจุบันเด็กไทย ( รวมถึงผู้ใหญ่ไทย ) มีกีฬาประจำตัว มีปฏิทินการออกกำลังกายและได้ออกกำลังกายตามปฏิทินอย่างจริงจัง มากน้อยเพียงใด (ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล แพทย์ไทย มักจะถามคำถามว่า “มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง” แต่ไม่เคยถามว่า “หนู มีกีฬาประจำตัวหรือไม่มีปฏิทินออกกำลังกายไหม
ตอบ เด็กไทยและผู้ใหญ่ในปัจจุบันไม่ค่อยสนใจในการออกกำลังกายและไม่ค่อยเล่นกีฬาสักเท่าไรนักเด็กเรียนเสร็จก็จะไปเที่ยวส่วนผู้ใหญ่ก็ทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกายการวานแผนในการออก
กำลังในทุกวันก็ไม่ค่อยมีสักเท่าไรนักและเวลาไปพบแพทย์แพทย์มักจะถามเรื่องของโรคประจำตัวโดยไม่ถามถึงกีฬาประจำตัวเพราะคนที่มีโรคประจำตัวมักไม่ค่อยออกกำลังกายส่วนคนที่ออกกำลังเสมอจะมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ
๓.) เด็กไทยมีความสามารถในการบริหารสุขภาพจิต การควบคุมอารมณ์ หรือการพัฒนาบุคลิกภาพหรือไม่เพียงใด (ดูได้จากบรรยากาศการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในทันทีที่มีการประกาศผลการแข่งขันจะมี ๑ทีมที่ร้องไห้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้)
ตอบ มี แต่ส่วนน้อย ก็เพราะอารมณ์ของเราไม่สามารถบังคับกันได้ เป็นธรรมดาของการแข่งขันที่ต้องมีแพ้ ชนะ ส่วนที่แพ้ก็จะปลอบใจตัวเองด้วยการร้องไห้ ส่วนคนที่ชนะก็จะให้กำลังใจตัวเองและอาจจะร้องไห้ออกมาด้วยความยิ่งดี
๔.) ขณะนี้โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กพอๆกับการส่งเสริมด้านวิชาการหรือไม่โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ได้รับค่านิยมสูง(มีชื่อเสียง)
ตอบ มีการส่งเสริม จะเห็นจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงก็จะมีกิจกรรมให้นักเรียนได้เล่นและได้ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นการส่งเสริมให้เด็กเก่งวิชาการควบคู่กับมีสุขภาวะที่แข็งแรง
๕.) เมื่อเปิดภาคเรียนภายใน ๒ สัปดาห์แรก ครูประจำชั้นได้ทำความรู้จักกับนักเรียนมากน้อยเพียงใดมีการจำแนกเด็กนักเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยง-กลุ่มปกติหรือไม่ (กลุ่มเสี่ยงหมายถึงผลการเรียนอ่อนสุขภาพไม่ดีมีปัญหาทางครอบครัวรวมถึงมีผลการเรียนดีมากเกรดเฉลี่ย๔.๐๐มาโดยตลอดซึ่งจะเสี่ยงในเรื่องความเครียด)
ตอบ ครูประจำชั้นส่วนใหญ่เวลาเปิดภาคเรียนก็จะถามประวัติเด็กก่อน จะถามชื่อที่อยู่แต่ไม่ค่อยจะถามเรื่องสุขภาพของเด็กและเรื่องการเรียนของเด็กว่าเด็กมีผลการเรียนที่ผ่านมาเป็นเช่นไรเด็กมีปัญหาทางบ้านไหม?นี้คือสิ่งสำคัญที่ครูในอนาคตต้องทำความเข้าใจกับเด็กให้มากควรจะดูแลเอาใจใส่เด็กให้มากกว่านี้และเข้าหานักเรียน เด็กจะได้รู้สึกผูกพันธ์กับครูมากขึ้นและมีความสุขในการเรียน
๖.) ครูประจำชั้น หรือโรงเรียนได้จัดระบบดูแล-ช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยงอย่างไรบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิต(สมัยที่ผมเป็นครูประจำชั้น ผมจะประกาศรายชื่อ “ผู้ช่วยอาจารย์ประจำชั้น” โดยเลือกจากนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้นักเรียนเหล่านี้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับครู มีการประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง)
ตอบ อาจจะมีแต่ไม่มากนักเพราะโรงเรียน่สวนใหญ่เน้นที่วิชาการเด็กที่มีกลุ่มเสี่ยงก็จะจัดให้อยู่ในห้องเดียวกันเพื่อสะดวกในการดูแลปกครองเด็กโดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่ตามมาทำให้เด็กกลุ่มเสี่ยงมีความรู้สึกว่าตัวที่มีปัญหาอยู่แล้วกลับเพิ่มปัญหาอีก
๗.) โรงเรียนมีการพัฒนารายวิชา(วิชาเลือก/วิชาเพิ่มเติม)ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์การพัฒนาบุคลิกภาพการบริหารจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตฯลฯหรือไม่(หลักสูตรประเทศสิงค์โปร์เด็กอนุบาลต้องเรียนวิชา“การควบคุมอารมณ์”)
ตอบ ควรที่จะมีการจัดรายวิชาเลือกให้เด็กได้ควบคุมอารมณ์และให้เด็กได้เลือกรายวิชาที่ตนเองถนัดเด็กจะได้มีความสุขในการเรียนมากขึ้น
๘.) โรงเรียนมีการประเมินมาตรฐานด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นระยะ ๆ อย่างจริงจังมากน้อยเพียงใด
ตอบ ถ้าปัจจุบันน้อยมาก เพราะครูส่วนใหญ่เน็นที่วิชาการมากโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพจิตของเด็กว่าเด็กรู้สึกอย่างไรกับการเรียนที่เน้นแต่วิชาการ
๙.) โรงเรียนมีแบบประเมิน/แบบสังเกตภาวะสุขภาพกาย สุขภาพจิตของนักเรียน เพื่อครูประจำชั้น และพ่อแม่ใช้ในการสังเกต-ประเมินนักเรียนในความรับผิดชอบหรือบุตรหลานของตนเองหรือไม่ฯลฯ
ตอบ มีแต่ไม่ทั่วถึงและแบบประเมินรายละเอียดครูควรศึกษาจากพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนก่อนการทบทวนคำถาม ดังกล่าวข้างต้นจะทำให้เรามองเห็นสภาพปัจจุบัน-ปัญหาในการจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือของประเทศไทยโดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาเด็กแบบไม่สมดุลที่เน้นการพัฒนาด้านวิชาการ มากกว่าการพัฒนาด้านสุขนิสัยสุขภาพกายสุขภาพจิตซึ่งเป็นเรื่องสาคัญจากการศึกษาแนวคิดเรื่อง The Healthy Classroom Hasting(2006) ได้เขียนถึงปัญหาการบริโภคอาหารไร้คุณภาพ (Junk Food) ปัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศ ปัญหาการทำร้ายร่างกายตนเองปัญหาการฆ่าตัวตายของเด็ก ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ชักจะเข้าใกล้ประเทศเรามากยิ่งขึ้นทุกวันยกเว้นเราจะมีการทบทวนสภาพปัญหาเหล่านี้กันอย่างจริงจังฉันเชื่อว่าจะนำไปสู่การกาหนดยุทธศาสตร์หรือแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม ในโอกาสต่อไปได้อย่างแน่นอน ทางเลือกเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตนักเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น